อังกฤษที่มาถึง
เมื่อเห็นค่าเงินปอนด์ค่อย ๆ หล่นลงเรื่อย ๆ จากปอนด์ละเจ็ดสิบกว่าบาท กลายมาเป็นปอนด์ละ 50 บาท เราก็เริ่มคิดถึงการไปเยือนอังกฤษขึ้นมาทันที อันที่จริง อังกฤษเป็นสถานที่แรก ๆ ที่อยู่ในลิสต์ท่องเที่ยวของเรามาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ด้วยความที่เหมือนกับเป็น "ของตาย" ทำให้เราข้ามผ่านประเทศนี้แล้วก็ดึงเอาประเทศอื่น ๆ แซงหน้าขึ้นมาโดยตลอด
แต่ในราวต้นปี 52 เอก็ได้เปรยขึ้นมาว่า "เงินปอนด์ลดลงมาเยอะแล้วนะ ไปอังกฤษกันเถอะ" (คล้าย ๆ ไปเยาวราชกันเถอะ!!!) หลังจากนั้น หนังสือนำเที่ยวลอนดอนก็ถูกหยิบมาปัดฝุ่นอ่านทันที เริ่มจาก "เที่ยวไม่ง้อทัวร์ ตีตั๋วตะลุยลอนดอน" ซึ่งค่อนข้างจะมีประโยชน์พอสมควร นอกนั้น ก็ได้สั่งซื้อหนังสือ "Rick Steves' London 2008" จาก amazon.com มาเพื่ออ่านประกอบเพราะมีแผนที่ที่อ่านง่าย แม้จะน้ำมากไปนิด
ช่วงเวลาเดินทาง
มีช่วงเวลาให้เลือกอยู่ 2 ช่วง คือ สงกรานต์ และช่วงวันหยุดต้น พ.ค. แต่เนื่องจากพี่แพง แม่บ้านที่บ้าน ต้องกลับไปเยี่ยมบ้านที่อีสานช่วงสงกรานต์ พวกเราจึงจำเป็นต้องอยู่เฝ้าบ้านแทน ดังนั้น ช่วงเวลาที่จะไปเลยตกเป็นของ พ.ค. แบบไม่ต้องมีชอยส์ พวกเรากะว่าจะไปคืนวันพฤหัสที่ 30 เม.ย. กลับมาอีกทีวันจันทร์ที่ 11 พ.ค. เท่ากับไป 12 วัน (รวมเดินทางด้วยเหมือนกำหนดการของ บ.ทัวร์) แต่ลาแค่ 4 วัน กำไรสุดสุด...
ค่าเงินปอนด์และตั๋วเครื่องบิน
เมื่อปลาย ม.ค. ค่าเงินปอนด์ตกต่ำเรื่อย ๆ เลยตัดสินใจแลกเงินไปก่อน 800 ปอนด์ ซื้อความเสี่ยงไป โดยแลกได้ราคา 49.6 บาท ซึ่งนับเป็นครึ่งหนึ่งของยอดที่ตั้งใจจะนำไปเป็น pocket money
จากนั้น ในวันเกิด (4 ก.พ.) ได้สืบเสาะหาตั๋วเครื่องบินราคาไม่แพงไปลอนดอนได้ (ที่จริงได้ลอง search หาหลากหลายสายการบินมาเยอะมาก แต่เจ้าที่ราคาถูก เวลาก็ไม่ดี เจ้าที่เวลาดี ราคาก็ไม่ถูก) อยากจะไป TG อุดหนุนคนไทยด้วยกันเหมือนกัน แต่จนใจที่ราคาโปรของเขาเนี่ย ถึงแค่สิ้นเดือน มี.ค. เท่านั้นเอง จะรอว่ามีการต่อโปรหรือเปล่าก็กลัวจะไม่ได้ตั๋วถูก เพราะช่วงที่ไปค่อนข้างเป็นจังหวะที่ดี วันหยุดเยอะพอสมควร
ตั๋วที่ได้เป็นของ Qatar Airways สายการบิน 5 ดาว (เฉพาะ first class นะ economy ไม่เกี่ยว 555) ได้ในราคา 2 หมื่นถ้วน ถ้ารวม tax&fuel surcharge แล้ว อยู่ที่ 31,145 บาท (เจ็บใจที่ตอนซื้อนั่นเค้ายังไม่ลดค่า fuel sur. เลยแพงไปนิด) แต่ก็โอ...
หลังจากที่แลกเงินไปแล้วครึ่งหนึ่ง ปรากฏว่าเงินปอนด์พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเล่นเอาใจเสียว่า อีกครึ่งนึงจะต้องแลกแพงหรือเนี่ย แล้วในที่สุด ราว ๆ กลางเดือน มี.ค. เกิดมีข้อมูลว่าเศรษฐกิจของอังกฤษทำท่าจะไม่ดี เลยคาดเดาเอาว่า เงินปอนด์น่าจะร่วงลงได้แล้ว เลยเตรียมถือเงินเอาไว้เพื่อจะแลกทันที
เป็นอย่างที่คิด หลังจากนั้น 2-3 วัน เงินปอนด์ร่วงมาที่ 50.5 บาท เลยโทรถามเอว่าจะเอามั้ย เอบอกเอาทันทีเพราะจะได้ถัวเป็นที่ 50 บาทพอดี เลยแลกมาอีก 800 ปอนด์ ปรากฏว่า หลังจากแลกไปแล้ว ดูข้อมูลของวันรุ่งขึ้น ค่าเงินร่วงต่อมาที่ 50.2 เกิดอาการเซ็งเล็กน้อย ดีที่หลังจากนั้น เงินปอนด์ก็กลับสูงเอาสูงเอาจน ณ วันที่เขียน (25 มี.ค.) ไปถึง 52.4 ไปซะแล้ว โชคดีจริง
ที่พัก
ตอนนี้ก็จัดการเรื่องต่าง ๆ ไปพอสมควรแล้ว อีกเรื่องที่สำคัญคือ ที่พัก ในเรื่องนี้ก็ได้ศึกษาจากทั้งหนังสือท่องเที่ยว (รวมทั้ง Lonely Planet) และ website ต่าง ๆ มากมาย ดูกันจนเวียนหัวไปหมด ต้องยอมรับว่าที่อังกฤษที่พักแพงได้ใจจริง ๆ สูสีกับที่สวิสเลยทีเดียว จะหาราคาแบบบ้านเรานี่ยากมาก ๆ หาไปหามา ในที่สุดก็มาได้ที่ Cherry Court Hotel ซึ่งอยู่แถบ Victoria (ต้องยกเครดิตให้กับหนังสือเที่ยวไม่ง้อทัวร์ฯ ที่เขาแนะนำย่านนี้เอาไว้ว่าสะดวกมากมาย) ได้ที่ราคา 55 ปอนด์ ห้องคู่มีห้องน้ำในตัว (ราคาปกติ 60 ปอนด์ แต่พวกเราอยู่ 9 คืน เขาเลยลดราคาให้ 5 ปอนด์)
ประกอบกับดู review ตาม tripadvisor แล้ว จัดอยู่ในเกณฑ์ดี มีบ่นไม่มาก (หลัก ๆ จะเป็นเรื่องความแคบของห้อง) แต่ก็อย่างว่า ไปเที่ยวทั้งที อยู่ห้องแค่ตอนหลับเท่านั้น เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า
ต่อไปก็ต้องเตรียมขอวีซ่า....
No comments:
Post a Comment